ถาม - ตอบ เกี่ยวกับ JCM
"โครงการ JCM ภายใต้ Premium T-VER" หมายถึงอะไร? คาร์บอนเครดิตที่ได้จากการทำโครงการยังคงถือว่าเป็นเครดิต JCM หรือไม่ และสามารถถ่ายโอนให้ประเทศญี่ปุ่น ได้หรือไม่ อย่างไร
1. โครงการลดก๊าซเรือนกระจกภายใต้กลไกเครดิตร่วม (Joint Crediting Mechanism:JCM) ที่ดำเนินการขึ้นทะเบียนและรับรองคาร์บอนเครดิตตามหลักเกณฑ์การพิจารณาโครงการ T-VER มาตรฐานขั้นสูง
2. เครดิตที่ได้จากจากโครงการ JCM จะถูกจัดสรรระหว่างผู้พัฒนาโครงการฝ่ายไทยและฝ่ายญี่ปุ่น/หน่วยงานรัฐบาลญี่ปุ่น เครดิตของผู้พัฒนาโครงการฝ่ายไทยจะออกในบัญชีของบริษัทในทะเบียนไทย ส่วนเครดิตของผู้พัฒนาโครงการฝ่ายญี่ปุ่น/หน่วยงานรัฐบาลญี่ปุ่น จะออกในบัญชีพิเศษสำหรับกลไก JCM ในระทะเบียนของไทยและจะถูกยกเลิกทันที จากนั้นรัฐบาลญี่ปุ่นจะบันทึกคาร์บอนเครดิต JCM ในจำนวนเดียวที่สอดคล้องกันในบัญชีในระบบทะเบียน JCM ของญี่ปุ่นตามที่อ้างถึงในวรรค 50-53 ของกฎเกณฑ์การดำเนินงานกลไกเครดิตร่วม ภายใต้ Premium T-VER
สามารถดาวน์โหลดเอกสารได้จากลิงค์: https://www.jcm.go.jp/th-jp/information/516
(Attachment 1 Rules of Implementation for the Joint Crediting Mechanism (JCM) track under Premium T-VER)
“ระยะเวลาคิดเครดิตครอบคลุมการลดการปล่อยหรือกักเก็บก๊าซเรือนกระจกจากโครงการ JCM ที่เกิดขึ้นหลังวันที่ 1 มกราคม พ.ศ.2564 จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ.2573 ...” หมายความว่าอย่างไร
ผู้พัฒนาโครงการสามารถขอการรับรองคาร์บอนเครดิตจากโครงการของตนได้จนกว่าจะสิ้นสุดระยะเวลาการคิดเครดิตภายใต้กลไก Premium T-VER ระยะเวลาการคิดเครดิตของโครงการ ดังนี้
- โครงการประเภทที่ 1-12 และโครงการประเภทที่ 13 บางโครงการที่ลดเฉพาะก๊าซมีเทนหรือไนตรัสออกไซด์จากภาคเกษตรกรรม คือ 5 ปี
- โครงการประเภทที่ 1 ,3 และ14 คือ 15 ปี
หมายเหตุ: เว้นแต่จะระบุไว้ในระเบียบวิธีที่ใช้
กระบวนการพัฒนาโครงการ สามารถปฏิบัติตามแนวทาง Premium T-VER ได้เลยหรือไม่
เอกสารทั้งหมดที่จำเป็นสำหรับการขึ้นทะเบียนโครงการหรือการขอรับรองคาร์บอนเครดิตจะต้องจัดทำโดยใช้แบบฟอร์มล่าสุดที่เผยแพร่บนเว็บไซต์ Premium T-VER
เอกสาร (ร่าง) Project Design Document และ Monitoring Report จะต้องได้รับการตรวจสอบความใช้ได้และการทวนสอบ โดย VVB ภายใต้กลไก Premium T-VER
อย่างไรก็ตาม คำขอขึ้นทะเบียนโครงการและการขอรับรองคาร์บอนเครดิตจะต้องส่งไปยัง อบก. และรัฐบาลญี่ปุ่น เพื่ออนุมัติ
สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่: https://tver.tgo.or.th/index.php?lang=th
บันทึกความร่วมมือว่าด้วยกลไกเครดิตร่วมระหว่างรัฐบาลญี่ปุ่นกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย (MoC) ที่ปรับปรุงใหม่ ครอบคลุมถึงโครงการ Private JCM ด้วยหรือไม่
MoC ฉบับใหม่ยังครอบคลุมถึงโครงการ Private JCM ดังรายละเอียดในหมวด C: Project Idea Note (PIN) ย่อหน้าที่ 7 ของ Rules of Implementation for the Joint Crediting Mechanism (JCM) track under Premium T-VER ผู้พัฒนาโครงการสามารถส่ง PIN ไปยังสำนักเลขาธิการ JCM ได้ หากคณะกรรมการร่วมอนุมัติโครงการที่วางแผนไว้ ผู้พัฒนาโครงการจะต้องเตรียมเอกสารที่จำเป็นและขอการลงทะเบียนตามหมวด F: Registration ย่อหน้าที่ 30
สามารถดาวน์โหลดเอกสารได้จากลิงค์: https://www.jcm.go.jp/th-jp/information/516
(Attachment 1 Rules of Implementation for the Joint Crediting Mechanism (JCM) track under Premium T-VER)
เราสามารถรับรองและถ่ายโอนเครดิต JCM ได้จนถึงปี ค.ศ.2040 ใช่หรือไม่
การถ่ายโอนเครดิต JCM ขึ้นอยู่กับผลของการขอต่ออายุเครดิต
สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การต่ออายุโครงการได้ที่: https://tver.tgo.or.th/index.php?option=com_content&view=article&id=792&Itemid=579&lang=th
โครงการประเภทที่อิงธรรมชาติ เช่น ปลูกป่า ปลูกป่าทดแทน วนเกษตร ฯลฯ สามารถนำมาเป็นโครงการ JCM ได้หรือไม่ และรัฐบาลไทยมีจุดยืนอย่างไรต่อโครงการประเภทนี้
ประเภทโครงการที่เข้าข่ายตามที่ระบุไว้ในวรรค 9 ของ “แนวทางและกลไกการจัดการเครดิตคาร์บอน” โครงการป่าไม้เป็นกิจกรรมในวรรค 10.13 อย่างไรก็ตาม รัฐบาลไทยอนุญาตเฉพาะโครงการที่มีลักษณะครบถ้วนตามที่ระบุไว้ในวรรค 11 เท่านั้นสำหรับโครงการป่าไม้ การใช้เทคโนโลยีขั้นสูงหรือนวัตกรรมที่ต้องใช้การลงทุนจำนวนมากถือเป็นข้อกังวลหลัก แนวทางและกลไกการจัดการเครดิตคาร์บอนสามารถดาวน์โหลดได้จากลิงค์เว็บไซต์: https://www.dcce.go.th/news/project_file.aspx?p=2382
หลักเกณฑ์ในการคัดเลือกข้อเสนอโครงการที่สำคัญมีเรื่องใดบ้าง
- สัดส่วนเงินขอรับการสนับสนุนต่อปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ลดได้ (Cost-effectiveness)
- ลักษณะของโครงการที่สามารถขอใช้คาร์บอนเครดิตเพื่อวัตถุประสงค์ระหว่างประเทศตามแนวทางและกลไกการบริหารจัดการคาร์บอนเครดิต
กลไก JCM ให้การรับรองก๊าซเรือนกระจกชนิดใด
สำหรับกลไก JCM ภายใต้ Premium T-VER จะให้การรับรองครอบคลุมก๊าซเรือนกระจก 7 ชนิด
- ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2)
- ก๊าซมีเทน (CH4)
- ก๊าซไนตรัสออกไซด์ (N2O)
- ก๊าซไฮโดรฟลูออโรคาร์บอน (HFCs)
- ก๊าซเปอร์ฟลูออโรคาร์บอน (PFCs)
- ก๊าซซัลเฟอร์เฮกซะฟลูออไรด์ (SF6)
- ก๊าซไนโตรเจนไตรฟลูออไรด์ (NF3)
โครงการมีระยะเวลาคิดเครดิตกี่ปี
ผู้เข้าร่วมโครงการสามารถขอรับรองคาร์บอนเครดิตจากโครงการได้จนกว่าจะสิ้นสุดระยะเวลาการคิดเครดิตภายใต้โครงการ Premium T-VER
ระยะเวลาการคิดเครดิตของโครงการประเภทที่ 1-12 และบางโครงการที่ลดเฉพาะก๊าซมีเทนหรือไนตรัสออกไซด์จากภาคเกษตรกรรม คือ 5 ปี
ในขณะที่ระยะเวลาการให้สินเชื่อของโครงการประเภทที่ 1 , 3 และ14 คือ 15 ปี เว้นแต่จะระบุไว้ในระเบียบวิธีการลดก๊าซเรือนกระจกที่ใช้
จะประเมินปริมาณการลดก๊าซเรือนกระจกได้อย่างไร
ท่านต้องตรวจสอบว่ากิจกรรมของท่านเข้าข่ายเงื่อนไขใน Section D. Eligibility criteria ของระเบียบวิธีการลดก๊าซเรือนกระจกที่ได้รับการรับรองแล้ว (Approved Methodology) หรือไม่ กรณีที่ยังไม่เข้าข่ายระเบียบวิธีฯ ที่ได้รับการรับรองแล้ว ท่านอาจอ้างอิงระเบียบวิธีการฯ ของประเทศอื่นแทน โดยสามารถตรวจสอบได้จากเว็บไซต์ https://www.jcm.go.jp/th-jp/methodologies/approved และ https://tver.tgo.or.th/database/public/methodologies/2
ผู้พัฒนาโครงการฝ่ายญี่ปุ่นต้องเป็นบริษัทเจ้าของเทคโนโลยีหรือไม่
ผู้พัฒนาโครงการฝ่ายญี่ปุ่นต้องเป็นนิติบุคคลญี่ปุ่นซึ่งยินดีพัฒนาโครงการร่วมกับบริษัทของท่าน เช่น บริษัทเจ้าของเทคโนโลยี ผู้จัดจำหน่าย หรือบริษัทที่ปรึกษา ฯลฯ โดยผู้พัฒนาโครงการเป็นผู้ทำสัญญารับเงินจากกระทรวงสิ่งแวดล้อมญี่ปุ่นและโอนเงินให้กับผู้พัฒนาโครงการฝ่ายไทย
ถ้าเป็นโครงการที่มีลักษณะกิจกรรมลดก๊าซเรือนกระจกคล้ายกับโครงการที่เคยได้รับทุน จะมีโอกาสได้รับการคัดเลือกหรือไม่
มีโอกาสได้รับการคัดเลือก แต่สัดส่วนเงินสนับสนุนที่จะได้รับจะลดลงตามจำนวนโครงการที่ใช้เทคโนโลยีประเภทเดียวกันที่ได้รับการคัดเลือกแล้ว ดังรายละเอียดในตาราง
ท่านสามารถตรวจสอบข้อมูลจำนวนโครงการที่ใช้เทคโนโลยีประเภทเดียวกันที่ได้รับการคัดเลือกแล้วได้จากภาคผนวกของ Guidelines for Submitting Proposals ซึ่งเป็นคู่มือสำหรับการยื่นข้อเสนอโครงการเพื่อสมัครขอรับทุน ที่ท่านสามารถดาวน์โหลดได้จากเว็บไซต์ https://gec.jp/jcm/kobo/mp240405/
กรณีที่โครงการเริ่มดำเนินการแล้ว เช่น โรงไฟฟ้าชีวมวลที่ขายไฟฟ้าแล้ว สามารถเข้าร่วมโครงการได้หรือไม่
โครงการที่จะขอรับการสนับสนุนเงินลงทุนต้องเป็นโครงการที่ยังไม่เริ่มดำเนินการ เพราะตามขั้นตอนที่รัฐบาลญี่ปุ่นกำหนด ผู้พัฒนาโครงการต้องยื่นข้อเสนอโครงการ ได้รับการคัดเลือก และทำสัญญารับทุนก่อนจึงสามารถจัดซื้อและติดตั้งอุปกรณ์/เครื่องจักร ก่อนขอรับเงินสนับสนุน (disbursement)
รัฐบาลญี่ปุ่นให้การสนับสนุนเงินลงทุนกับโครงการของประเทศไทยจำนวนกี่โครงการต่อปี
นับจากวันที่ประเทศไทยลงนามความตกลงทวิภาคีฯ JCM กับรัฐบาลญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 19 พ.ย. 2558 มีจำนวนโครงการที่ได้รับทุนจนถึงปัจจุบัน รวมทั้งสิ้น 53 โครงการ
- โครงการต้นแบบ JCM (JCM Model Project) 48 โครงการ
(ได้รับการคัดเลือก จำนวน 51 โครงการ ขอยกเลิกการรับทุนสนับสนุน จำนวน 3 โครงการ)
- F-gas project
โครงการ Introduction of Scheme for Fluorocarbons Recovery and Destruction with Utilization of Existing Waste Incineration Plant ซึ่งให้การสนับสนุนโดยกระทรวงสิ่งแวดล้อมของประเทศญี่ปุ่น
- OPENVQ project
โครงการ Low-carbon Operation for Power Grid Utilizing Online Voltage-var(Q) Optimal Control (OPENVQ) with ICT ซึ่งให้การสนับสนุนโดยกระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรม ของประเทศญี่ปุ่น
วงเงินที่กระทรวงสิ่งแวดล้อมญี่ปุ่นให้การสนับสนุนในแต่ละปีมีมูลค่าเท่าไร
รัฐบาลญี่ปุ่นกำหนดวงเงินงบประมาณราย 3 ปี โดยในปีงบประมาณ ค.ศ. 2024-2026 รัฐบาลญี่ปุ่นให้วงเงินสนับสนุนการลงทุนกับทุกประเทศที่ทำความตกลงทวิภาคีฯ JCM กับญี่ปุ่น (29 ประเทศ) เท่ากับ 12,800 ล้านเยน หรือประมาณ 4,267 ล้านเยนต่อปี
กลไก JCM ให้การสนับสนุนค่าเงินลงทุนด้านใดบ้าง
รายการที่ท่านสามารถขอรับทุนได้ มีรายละเอียด ดังนี้
- Cost of main construction work
- Cost of ancillary work
- Cost of machinery and instrument
- Cost of survey and testing
- Cost of facilities/equipment (including monitoring equipment)
- Cost of administrative work
- Other necessary costs approved by GEC
ท่านสามารถศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับการให้ทุนสนับสนุนภายใต้กลไก JCM ของกระทรวงสิ่งแวดล้อมญี่ปุ่นได้จาก Guidelines for Submitting Proposals ซึ่งท่านสามารถดาวน์โหลดได้จากเว็บไซต์ https://gec.jp/jcm/kobo/mp240405/ ของ Global Environment Centre Foundation (GEC) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่กระทรวงสิ่งแวดล้อมญี่ปุ่นมอบหมายให้เป็นหน่วยงานที่ดูแลเรื่องการให้ทุน
จะขอรับการสนับสนุนเงินลงทุนเพื่อพัฒนาโครงการลดก๊าซเรือนกระจกภายใต้กลไก JCM ได้อย่างไร
บริษัทของท่านต้องร่วมกับนิติบุคคลญี่ปุ่นในการขอรับทุนสนับสนุน เนื่องจาก Global Environment Centre Foundation (GEC) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่กระทรวงสิ่งแวดล้อมญี่ปุ่นมอบหมายให้เป็นหน่วยงานที่ดูแลเรื่องการให้ทุนจะรับข้อเสนอโครงการ (proposal) จากนิติบุคคลญี่ปุ่นเท่านั้น โดยต้องให้ผู้มีอำนาจลงนามของบริษัทของท่านลงนามในเอกสาร Agreement on International Consortium ซึ่งท่านสามารถดาวน์โหลดได้จากเว็บไซต์ https://gec.jp/jcm/kobo/mp240405/ ในกรณีที่ท่านยังไม่มีนิติบุคคลญี่ปุ่นที่จะร่วมกันยื่นข้อเสนอโครงการเพื่อขอรับทุน ท่านสามารถจับคู่ทางธุรกิจได้โดยลงทะเบียนในระบบ JCM Global Match ในเว็บไซต์ http://gec.jp/jcm/globalmatch/