ภายหลังจากโครงการได้รับการขึ้นทะเบียนแล้ว หากมีการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดการดำเนินกิจกรรมที่แตกต่างจากที่ระบุไว้ในเอกสารข้อเสนอโครงการ ผู้พัฒนาโครงการต้องแจ้งต่อ อบก. ทราบ ก่อนการยื่นคำขอรับรองปริมาณก๊าซเรือนกระจกต่อ อบก. โดยจำแนกการเปลี่ยนแปลงเป็น 2 รูปแบบ ดังนี้
การเปลี่ยนแปลงทั่วไป คือ การเปลี่ยนแปลงที่ไม่มีผลกระทบต่อปริมาณก๊าซเรือนกระจกของโครงการ เช่น
- การเปลี่ยนแปลงผู้พัฒนาโครงการ
- การเปลี่ยนแปลงเจ้าของโครงการ
- การเปลี่ยนแปลงผู้ประสานงาน
- เปลี่ยนแปลงระยะเวลาคิดเครดิต
โครงการสามารถเปลี่ยนแปลงระยะเวลาคิดเครดิตได้ แต่ต้องเป็นไปตามเงื่อนไขของหลักเกณฑ์การกำหนดระยะเวลาคิดเครดิต คือ เมื่อเปลี่ยนระยะเวลาคิดเครดิตแล้ว วันเริ่มคิดเครดิตของโครงการต้องไม่เกิน 2 ปี นับจากวันถัดไปหลังจากวันที่ขึ้นทะเบียนโครงการ
การเปลี่ยนแปลงที่ต้องดำเนินการขอเปลี่ยนแปลงการดำเนินงานหลังขึ้นทะเบียน (Re-validation) คือ การเปลี่ยนแปลงที่มีผลกระทบต่อปริมาณก๊าซเรือนกระจกของโครงการ ดังนี้
- มีการเพิ่มกิจกรรมโครงการประเภทอื่น หรือใช้ระเบียบวิธีลดก๊าซเรือนกระจกฯ ในการคำนวณเพิ่มเติม
- มีการเปลี่ยนแปลงที่ส่งผลให้ “ปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่คาดว่าจะลดได้มีค่ามากกว่า 60,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี หรือ มีปริมาณเพิ่มขึ้นจากเดิมที่ขึ้นทะเบียน มากกว่าร้อยละ 15 โดยเทียบกับผลการประเมินในเอกสารข้อเสนอโครงการฉบับที่ขึ้นทะเบียน
ผู้พัฒนาโครงการต้องระบุรายละเอียดการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นทั้งหมด ในรายงานการติดตามประเมินผลปริมาณก๊าซเรือนกระจก (Monitoring Report) เพื่อให้ผู้ประเมินภายนอกสำหรับโครงการภาคสมัครใจ (VVB) สามารถตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวได้ และต้องแสดงเอกสารหลักฐานการเปลี่ยนแปลงต่อผู้ประเมินภายนอกฯ และ อบก.