ถาม- ตอบ เกี่ยวกับ JCM
คำถาม: หลักเกณฑ์ในการคัดเลือกข้อเสนอโครงการที่สำคัญมีเรื่องใดบ้าง
คำตอบ:
- สัดส่วนเงินขอรับการสนับสนุนต่อปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ลดได้ (Cost-effectiveness)
Cost-effectiveness for GHG emission reductions [JPY/ tCO2eq] = Amount of financial support [JPY]) / Total emission reductions of GHGs [tCO2eq] |
สัดส่วนเงินที่ขอรับการสนับสนุนต่อปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ลดได้ต้องไม่เกินค่าที่กำหนด ค่าสำหรับโครงการทั่วไป เท่ากับ 4,000 เยน/ตันคาร์บอนไดออกไซด์ และตามการจัดประเภทตามประเภทเทคโนโลยีที่ใช้และจำนวนโครงการต้นแบบ JCM ในแต่ละประเทศ หากในประเทศมีโครงการที่ใช้เทคโนโลยีคล้ายกันอยู่ระหว่าง 5 ถึง 9 โครงการ Cost-effectiveness ควรอยู่ที่ 3,000 เยน/CO2eq หรือต่ำกว่า
ค่าสำหรับโครงการผลิตพลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ เท่ากับ 2,500 เยน/ตันคาร์บอนไดออกไซด์ โดยประสิทธิภาพของแผงผลิตพลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์จะต้องไม่ต่ำกว่าร้อยละ 20 ซึ่งปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ลดได้สามารถคำนวณได้จากปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ลดได้ต่อปีคูณด้วยระยะเวลาคิดเครดิต เช่น โครงการผลิตพลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ขนาด 1 MW สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ 500 ตันคาร์บอนไดออกไซด์ต่อปี ระยะเวลาคิดเครดิต 15 ปี ปริมาณการลดก๊าซเรือนกระจก จะเท่ากับ 7,500 ตันคาร์บอนไดออกไซด์ ดังนั้น เพื่อให้สัดส่วนเงินที่ขอรับการสนับสนุนไม่เกิน 2,500 เยน/ตันคาร์บอนไดออกไซด์ ผู้พัฒนาโครงการสามารถรับเงินสนับสนุนได้ไม่เกิน 18.75 ล้านเยน
- ลักษณะของโครงการที่สามารถขอใช้คาร์บอนเครดิตเพื่อวัตถุประสงค์ระหว่างประเทศตามแนวทางและกลไกการบริหารจัดการคาร์บอนเครดิต
- เป็นโครงการที่ส่งผลให้เกิดการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากแหล่งกำเนิดหรือเพิ่มแหล่งกักเก็บก๊าซเรือนกระจกในส่วนเพิ่มเติมจากการดำเนินงานตามแผนการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศ
- เป็นโครงการที่สนับสนุนการลดก๊าซเรือนกระจกเพื่อบรรลุตามเป้าหมายของการมีส่วนร่วมที่ประเทศกำหนด (Nationally Determined Contributions: NDC) และยุทธศาสตร์ระยะยาวในการพัฒนาแบบปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่ำของประเทศไทย (Thailand’s Long-Term Low Greenhouse Gas Emission Development Strategy: Thailand LTS)
- เป็นโครงการที่กำหนดการแบ่งสรรคาร์บอนเครดิตที่เป็นธรรม โดยพิจารณาจากสัดส่วนเงินลงทุน หรือกฎเกณฑ์ระหว่างประเทศ/กรอบความตกลงระหว่างประเทศ หรือกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง
- เป็นโครงการที่กำหนดระยะเวลาการรับรองคาร์บอนเครดิต (Crediting period) ไม่เกินระยะเวลาการดำเนินงานตามเป้าหมายของการมีส่วนร่วมที่ประเทศกำหนด (NDC implementation period) ในแต่ละช่วงเวลา
- เป็นโครงการที่มีการส่งเสริมการพัฒนาและถ่ายทอดเทคโนโลยี หรือนวัตกรรมขั้นสูงและใช้เงินลงทุนสูง และการเข้าถึงทรัพยากรทางการเงินเพื่อการจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ในการลดก๊าซเรือนกระจกจากแหล่งกำเนิดหรือเป็นการเพิ่มแหล่งกักเก็บก๊าซเรือนกระจก
- ผลการลดก๊าซเรือนกระจกจากโครงการที่ดำเนินการในประเทศไทยที่ใช้เพื่อวัตถุประสงค์ระหว่างประเทศ ต้องได้รับการรับรองในหน่วยตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า
คำถาม: "โครงการ JCM ภายใต้ Premium T-VER" หมายถึงอะไร? คาร์บอนเครดิตที่ได้จากการทำโครงการ ยังคงถือว่าเป็นเครดิต JCM หรือไม่ และสามารถถ่ายโอนให้ประเทศญี่ปุ่น ได้หรือไม่ อย่างไร
คำตอบ:
1. โครงการ JCM ภายใต้ Premium T-VER หมายถึง โครงการลดก๊าซเรือนกระจกภายใต้กลไกเครดิตร่วม (Joint Crediting Mechanism:JCM) ที่ดำเนินการขึ้นทะเบียนและรับรองคาร์บอนเครดิตตามหลักเกณฑ์การพิจารณาโครงการ T-VER มาตรฐานขั้นสูง
2. เครดิตที่ได้จากจากโครงการ JCM จะถูกจัดสรรระหว่างผู้พัฒนาโครงการฝ่ายไทยและฝ่ายญี่ปุ่น/หน่วยงานรัฐบาลญี่ปุ่น เครดิตของผู้พัฒนาโครงการฝ่ายไทยจะออกในบัญชีของบริษัทในทะเบียนไทย ส่วนเครดิตของผู้พัฒนาโครงการฝ่ายญี่ปุ่น/หน่วยงานรัฐบาลญี่ปุ่น จะออกในบัญชีพิเศษสำหรับกลไก JCM ในระทะเบียนของไทยและจะถูกยกเลิกทันที จากนั้นรัฐบาลญี่ปุ่นจะบันทึกคาร์บอนเครดิต JCM ในจำนวนเดียวที่สอดคล้องกันในบัญชีในระบบทะเบียน JCM ของญี่ปุ่นตามที่อ้างถึงในวรรค 50-53 ของกฎเกณฑ์การดำเนินงานกลไกเครดิตร่วม ภายใต้ Premium T-VER
สามารถดาวน์โหลดเอกสารได้จากลิงค์: https://www.jcm.go.jp/th-jp/information/516
(Attachment 1 Rules of Implementation for the Joint Crediting Mechanism (JCM) track under Premium T-VER)
คำถาม: กระบวนการพัฒนาโครงการ สามารถปฏิบัติตามแนวทาง Premium T-VER ได้เลยหรือไม่
คำตอบ: เอกสารทั้งหมดที่จำเป็นสำหรับการขึ้นทะเบียนโครงการหรือการขอรับรองคาร์บอนเครดิตจะต้องจัดทำโดยใช้แบบฟอร์มล่าสุดที่เผยแพร่บนเว็บไซต์ Premium T-VER
เอกสาร (ร่าง) Project Design Document และ Monitoring Report จะต้องได้รับการตรวจสอบความใช้ได้และการทวนสอบ โดย VVB ภายใต้กลไก Premium T-VER
อย่างไรก็ตาม คำขอขึ้นทะเบียนโครงการและการขอรับรองคาร์บอนเครดิตจะต้องส่งไปยัง อบก. และรัฐบาลญี่ปุ่น เพื่ออนุมัติ
สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่: https://tver.tgo.or.th/index.php?lang=th
คำถาม: ตาม Attachment 1: Rules of Implementation for the Joint Crediting Mechanism (JCM) track under Premium T-VER – B(5) ที่ระบุว่า “ระยะเวลาคิดเครดิตครอบคลุมการลดการปล่อยหรือกักเก็บก๊าซเรือนกระจกจากโครงการ JCM ที่เกิดขึ้นหลังวันที่ 1 มกราคม พ.ศ.2564 จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ.2573 รัฐบาลทั้งสองอาจพิจารณาถึงความเป็นไปได้ในการขยายระยะเวลาดังกล่าว ซึ่งต้องตัดสินใจให้เสร็จสิ้นภายในปี พ.ศ.2573” หมายความว่าสามารถออกเครดิตได้ถึงปี พ.ศ.2573 โดยไม่คำนึงถึงอายุโครงการใช่หรือไม่
คำตอบ: ผู้พัฒนาโครงการสามารถขอการรับรองคาร์บอนเครดิตจากโครงการของตนได้จนกว่าจะสิ้นสุดระยะเวลาการคิดเครดิตภายใต้กลไก Premium T-VER ระยะเวลาการคิดเครดิตของโครงการ ดังนี้
- โครงการประเภทที่ 1-12 และโครงการประเภทที่ 13 บางโครงการที่ลดเฉพาะก๊าซมีเทนหรือไนตรัสออกไซด์จากภาคเกษตรกรรม คือ 5 ปี
- โครงการประเภทที่ 1 ,3 และ14 คือ 15 ปี
หมายเหตุ: เว้นแต่จะระบุไว้ในระเบียบวิธีที่ใช้